โลกเสื่อม...จนถึงโลกพินาศ....กำลังจะเกิดแล้ว....

เมื่อครู่...เช้านี้ 08.00น.วันที่ 11 มค.2555ได้อ่าน เรื่อง สวรรค์ นิพพานมีจริงไหมของ"คนฝั่งโขง"ที่เชิญหนังสือพระราชทานเพลิงหลวงปู่ขาว อุดรธานี ใน พศ.2527 มาไว้...หลวงปู่ขาวกล่าวถึง "ธรรม" ที่พระพุทธเจ้าค้นพบว่า"เป็นความจริง...ที่เคยมีเคยเป็นอย่างไร...ก็มีอยู่เป็นอยู่อย่างนั้น"
ทีนี้ย้อนมาเรื่อง...โลกแตก..ของปฏิทินมายา..ใน211212 นี้นั้น...เมื่อตรวจสอบกับ"ธรรม"ของศาสนาพุทธแล้ว...ก็ต้องตอบว่า"ยัง"
ครานี้ย้อนมาเรื่อง เด็กชายปลาบู่...ที่ว่า เขื่อนจะแตก..เมื่อตรวจสอบกับ"ธรรม"ของศาสนาพุทธแล้ว...ก็ต้องตอบว่า..."มีสิทธิ์"
ดังนั้น....จึงต้องมาดู"ธรรม"ในศาสนาพุทธ...ว่า...กล่าวไว้อย่างไร...
..."ธรรม"...ศาสนาพุทธ..ในพระสุตตันตปิฏก กล่าวว่า...โลกเสื่อม...มี 3 อย่างคือ 
1.เสื่อมเพราะน้ำ.....นี่...อันนี้ใกล้เคียงกับปัจจุบันนี้แล้ว...ทางวิทยาศาสตร์ว่าเกิดจากทฤษฎีเรือนกระจก...น้ำแข็งขั้วโลกละลาย...ร้อน...หนาว...ฝนตกหนัก...แผ่นดินไหวเกิดสึนามิ.....พายุหนัก.....เหล่านี้...ส่อสัญญานเริ่มต้นของโลกเสื่อมตาม"ธรรม"แล้ว....
2.เสื่อมเพราะไฟ...นี่...อันนี้ใกล้เคียงกับเกาหลีเหนือเอย...อิหร่านเอย...ที่กำลังจะก่อสงคราม...โดยสู้กับอเมริกา...ดีไม่ดี...อาจนำไปสู่"มหาสงครามนิวเคียส์"ได้...ซึ่ง"ความน่าจะเป็น"นั้น..."มีทางเป็นไปได้"...ซึ่งก็จะทำให้โลกเสื่อมได้ในปัจจุบัน...ซึ่งก็จะตรงกับ"ธรรม"ดังกล่าว...
3.เสื่อมเพราะลม...นี่อันนี้...เป็นผลสืบเนื่องมาจาก"มหาสงครามนิวเคียส์"นั่นเอง...โดยหากมันเกิดขึ้นจริง...หลังไฟสงบ...เมฆ หมอกก็จะปกคลุมโลกให้มืดมิด...มีแต่ลมที่พัดทำลายเท่านั้น...ซึ่งก็จะตรงกับ"ธรรม"...ดังกล่าวมาแล้ว.......
....กล่าวโดยสรุปว่า...สถานะการณ์ทางธรรมชาติ...หรือ...ที่มนุษย์เราก่อขึ้นนั้น...มันใกล้เคียงกับ"ธรรม"ที่บอกสาเหตุของโลกเสื่อมไว้ 3 ประการดังกล่าวแล้ว....ดังนั้น...เราจึงต้องอัญเชิญพรในหลวงมาปฏิบัติในปี2555นี้ ท่านให้ใช้"สติและปัญญา"ดำเนินชีวิต....ทีนี้...ใช้สติอย่างไร...ใช้ปัญญา...อย่างใด...ก็ขอให้ไคร่ครวญพิจารณากันดูเอาเองเถิด....
...ตอนนี้...ก็มาถึงโลกแตก...
ถ้าตามปฏิทินมายา ก็ว่า 211212 นี้..
ถ้าตาม"ธรรม"...ก็ต้องดูใน พระไตรปิฏก ใน"สุริยสูตร"...กล่าวว่า...
"เรื่องในอนาคต...พระอาทิตย์จะเกิดครบ 7 ดวงและการพินาศของโลก"
...ตัวนี้ก็ต้องมาดูทฤษฎีของไอสไตย์ ทฤษฎี หลุมดำ...ที่ว่าจักรวาลขยายตัวไปเรื่อยๆ...หลุมดำอาจจะดึงพระอาทิตย์ในสุริยะจักรวาลอื่นๆเข้ามาใกล้จักรวาลของเรา..จนเกิดมีพระอาทิตย์7ดวงตาม"ธรรม"ก็มีสิทธิ์ที่เป็นไปได้ในอนาคต...(ขนาดทางช้างเผือกของเรา...ก็มีจักรวาลอื่นๆที่มีดวงอาทิตย์อยู่เหมือนกันนั้น...ก็มีมากมายมหาศาลแล้ว ดวงอาทิตย์พวกนี้...อาจหลุดวงโคจรมาใกล้จักรวาลของเรานั้น...ก็น่าจะเกิดขึ้นได้ทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์...)
...การวิเคราะห์"ธรรม"นั้น...เรายังขาดเรื่อง"เวลาและสถานที่"
แต่ถ้าเราตัดสถานที่ออกไป...คือ คิดรวมเรื่องโลก เป็นสถานที่...เราก็จะขาดเฉพาะ"เวลา"เท่านั้น....แต่ก็ต้องรู้ว่า...ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตามในอนาคตนี้...แต่มันก็ต้อง"เกิด"อย่างแน่นอนและหลีกเลี่ยงไม่ได้..เพราะมันเป็น"ความจริงตาม"ธรรม"ไม่มีเป็นอย่างอื่นได้...ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง"โลกเสื่อม"ด้วยเหตุ3ประการนั้น ..มันเกิดขึ้นแน่นอน...หรือเรื่องโลกแตกนั้น...มันก็ต้องเกิดขึ้นแน่นอนเหมือนกัน....(โลกเรามีอายุประมาณ14000ล้านปีมาแล้ว)...
....ในวาระท้ายนี้...ตัวผู้เขียนเองวิเคราะห์ว่า...
...โลกเสื่อมเพราะไฟและลมนั้น...ความน่าจะเป็น...ยังเลือนลางมาก...
แต่โลกเสื่อมเพราะน้ำนั้น...น่าจะจริง...เพราะมีสัญญานเตือนเกิดขึ้นทั้งโลกแล้วเวลานี้.....
...ดังนั้น...เมื่อโลกเสื่อมเพราะน้ำในเวลาปัจจุบันนี้...เราจะอยู่กับน้ำได้อย่างไร?...ให้เสียหายน้อยที่สุด...แต่ได้ประโยชน์มากที่สุด...

ปรากฏการณ์ 49 วัน ชีวิตหลังความตาย

หลังจากที่คนเราตายประมาณ 1-2 วัน ปกติแล้วเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย 7 วันให้หลังเขาจึงรู้ว่าตนเองตายแล้ว วิญญาณจะถูกกักบริเวณไว้ 49 วันเพื่อรอพิจารณาคดี ใน ระหว่างนั้นผู้ตายก็กำลังรอบุญกุศลจากลูกหลานทางโลกที่กำลังง่วนอยู่กับงานศพ

ขณะที่วิญญาณของผู้ตายออกจากร่างชีวิตหลังความตายก็เริ่มต้นเปิดฉากขึ้นในโลกที่ผู้ตายต้องเข้าไปเพียงลำพังเท่านั้นไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเอาติดตัวจากโลกมนุษย์ได้ เว้นเสียแต่บาปกับบุญเท่านั้น

เจ็ดวันรอบแรก วิญญาณผู้ตายต้องเดินผ่านดงหมาป่า ซึ่งมีฝูงหมาป่าดุร้ายเหมือนเสือขวางทาง เมื่อวิญญาณบาปไปถึงก็เกิดหวาดกลัวไม่กล้าเดินต่อไป ฝูงหมาป่าเห็นดังนั้น ก็กระโจนเข้าขย้ำขบกัดวิญญาณบาปจนเลือดท่วมตัวกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกขเวทนา

ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี 49 วันหลังความตาย เมื่อมาถึงดงหมาป่า ก็จะมีหมู่เทวะทูต คอยพิทักษ์คุ้มครอง พวกหมาป่าได้แต่นิ่งเฉยไม่กล้าทำอะไร จึงผ่านไปได้โดยปลอดภัย

เจ็ดวันรอบที่สอง เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านประตูผีเจ้าหน้าที่ผู้รักษาด่านเมื่อเห็นเป็นวิญญาณบาป ก็จะทุบตีอย่างไม่ปรานีและยังมีพวกเจ้ากรรมนายเวรพากันมาทวงหนี้ เวลานั้น ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดีเมื่อมาถึงด่านประตูผี จะได้รับการต้อนรับและสามารถผ่านด่านนี้ไปโดยปลอดภัย

เจ็ดวันรอบที่สาม เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงยมโลก ถ้าเป็นวิญญาณบาปก็จะถูกโซ่ตรวนไว้และถูกบังคับนำไปอยู่ตรงหน้าหอกระจกส่องกรรมยามมีชีวิตทำชั่วอะไรภาพก็จะ ปรากฏขึ้นเองอย่างอัตโนมัติเสร็จแล้วก็จะถูกคุมตัวไปรับการพิจารณาโทษ

ถึงวิญญาณบาปจะเริ่มสำนึกผิดตอนนี้ แต่ก็สายเสียแล้ว ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงจะได้รับการต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่พาไปท่องเที่ยวนรกขุมต่างๆและพาไปดู สภาพของบรรดาญาติพี่น้องที่ทำบาป กำลังรอคอยการพิจารณาตัดสินความผิด

เจ็ดวันรอบที่สี่ เมื่อมาถึงด่านภูเขากระดาษเงินกระดาษทองการจะขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้ยากลำบากมาก กระดาษเหล่านี้ได้มาจากลูกหลานญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์หลงงมงาย เผาส่งไปให้ทับถมกันจนเป็นภูเขาเลากา ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วแม้ผู้ตายจะได้รับก็ไร้ประโยชน์

เจ็ดวันรอบที่ห้า วิญญาณผู้ตายมาถึงหอดูบ้านเดิม ได้เห็นลูกหลานคนในครอบครัวต่างไว้ทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจกับการตายของตนถึงตอนนี้จึงได้รู้ว่าตนเองตายแล้ว ไม่อาจกลับบ้านได้อีกได้แต่เสียใจอาลัยอาวรณ์

เจ็ดวันรอบที่หก เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านคุมบัญชียมบาลจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูบาปบุญ ที่ผู้ตายได้สร้างสมตอนมีชีวิตหลังจากหักลบกันแล้ว ถ้าบุญมีมากกว่าบาปก็จะ ให้ไปเกิดยังสุคติภูมิ ถ้าบาปมีมากกว่าบุญ จะส่งไปยังนรกภูมิ รับทุกข์อย่างน่าเวทนา

เจ็ดวันรอบที่เจ็ด เมื่อวิญญาณผู้ตายไปถึงด่านตรวจสอบ ยมบาลก็จะสั่งเลขาให้ตรวจสอบดูว่าผู้ตายตอนมีชีวิตอยู่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือไม่ ถ้าได้ถือศีลกินเจละเว้นจากการฆ่า สัตว์ก็จักลหุโทษ ถ้ามัวหลงผิดฆ่าสัตว์เพื่อความสุขของปากท้องก็จะเพิ่มโทษเป็นเท่าตัว

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ขอให้ทุกคนในขณะมีชีวิตอยู่นั้นเร่งสะสมความดีกันให้มากๆ นรก-สวรรค์นั้นไม่ใช่สิ่งลวงโลกตอนนี้ท่านอาจยังไม่เห็น แต่สักวันท่านก็ต้องเห็น กฎแห่ง กรรมนั้นเป็นเรื่องจริงขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท

ขอขอบคุณที่มาจากเวป sanook
ไขปริศนา...ชีวิตหลังความตาย

ผลกรรมแห่งความ "อกตัญญู"

บุคคลผู้ใดกินเหล้า เมายา เที่ยว เสเพล โป้ปด มดเท็จ มีบ้านเล็ก เมียน้อย คอรัปชั่นจนบ้านเมืองพังฉิบหาย แต่บุคคลผู้นั้น “ไม่ทอดทิ้งพ่อแม่” บุคคลผู้นั้นถึงแม้จะไม่เจริญแต่ก็ไม่ลำบาก พอดีพอได้
แต่บุคคลผู้ใดซื่อสัตย์ ซื่อตรง ขยันหมั่นเพียร ไม่กินเหล้าเมายา รักเดียว ใจเดียว ครอบครัวเดียว ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่มีผีการพนันเข้าสิง แต่บุคลผู้นั้น “ทอดทิ้งพ่อแม่” ให้แก่ตายไปโดยไม่เหลียวแล บุคคลผู้นั้นจะไม่เจริญและต้องลำบากยากเข็นอย่างแสนสาหัส
การละเมิดในศีล ๕ ซึ่งเป็นคุณธรรมพื้นฐานของมนุษย์ยังไม่หนักเท่ากับคนที่ “อกตัญญู” ต่อพ่อแม่ บุพาการีชนบุคคลที่ให้กำเนิดซึ่งท่านเทิดทูนไว้ให้เป็น “พระอรหันต์”
แต่ถ้าจะให้ชีวิตเลิศและเจริญอย่างสูงสุดต้องมีความ “กตัญญู” เป็นหลักของใจ และมีไซร้ซึ่งศีลเป็นจริยธรรมในการก้าวเดินชีวิต

บุคคลที่มีความ “กตัญญู” ควบคู่กับ “ศีล” ที่ถึงพร้อม บุคคลนั้นถ้าอยู่ในทางโลกจะได้ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิตมีความเจริญรุ่งเรืองในมนุษย์สมบัติ และสวรรค์สมบัติบุคคลที่มีความ “กตัญญู” ควบคู่กับ “ศีล” ที่ถึงพร้อม บุคคลนั้นถ้าอยู่ในทางธรรมจะได้ชื่อว่าเป็นพระอริยเจ้า มีความเจริญรุ่งเรืองมีผลไพบูลย์ใน “นิพพานสมบัติ”
ท่านจงโปรดเลือกทางก้าวเดินของชีวิต อย่าให้ผิดทั้ง “ศีล” และ ผิดต่อความ “กตัญญู”
ขึ้นชื่อว่า “กรรม” ผิดแล้วแก้ไขไม่ได้ ผิดแล้วต้องรับผลกรรมนั้นสืบไปแต่ถ่ายเดียว...