
ลุงเปี๊ยกแกเป็นคนที่ฐานะร่ำรวยมากบ้านแกอยู่ติดวัด แต่แกไม่ค่อยชอบสุนัขสักเท่าไร แกชอบใช้หนังสติกยิงไล่พวกมันอยู่ตลอด ครั้งหนึ่งแกเคยทะเลาะกับท่านเจ้าอาวาสเกี่ยวกับเรื่องหมาวัดมาขี้หน้าบ้านแก ถึงขนาดเอายางรถยนต์มาวางขวางทางไม่ให้พระบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านแก สาเหตุเพราะแกโมโหที่หมาวัดมาขี้หน้าบ้านแก ฝ่ายเจ้าอาวาสท่านก็ใจดีหาขวดมาใส่น้ำแล้วเอาไปตั้งเป็นแถวยาวถึงหน้าบ้านลุงเปี๊ยก ป้องกันไม่ให้หมามาขี้หน้าบ้านโยม พอลุงเปี๊ยกแกมาเห็นแกก็โวยวายใหญ่เลยหาว่าเจ้าอาวาสเอาขยะมาทิ้งหน้าบ้านแก ลุงเปี๊ยกแกเลยโมโหขึ้นมาใหญ่เลย พอตกกลางคืน แกเอาลูกชิ้นทอดคลุกกับยาเบื่อ แล้วไปโยนให้หมากิน พอรุ่งเช้ามา หมาในวัดทั้ง 26 ตัว ตายเกลี้ยง นอนอ้าปากน้ำหลายไหล บางตัวดูเหมือนว่าก่อนตายมีรอยดิ้นทุลนทุลายเป็นวงกว้างด้วย ชาวบ้านพอรู้ข่าวต่างก็สาปแช่งคิดว่าจะมีโจรมาลักของวัด แต่หารู้ไหมว่าเป็นฝีมือของลุกเปี๊ยกเอง พอผ่านมาปีกว่าๆ ลุงเปี๊ยกแกก็ล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่คอระยะสุดท้ายไม่สามารถรักษาได้ แกน่าสงสารมากๆได้แต่นอนรอวันตาย ด้วยความที่แกปวดแกจะร้องดังมากร้องโอยๆอยู่ตลอดเวลา เวลาแกปวดจนทนไม่ไหวแกจะดิ้นไปดิ้นมาจนลูกเมียแกต้องจับแกมัดมือมัดขาไว้ไม่ให้แกดิ้นได้ แกทรมานอยู่อย่างนี้ถึง 8 เดือนเต็ม กินอะไรก็ไม่ได้ แกร้องบอกว่าเหมือนอาหารมันเข้าไปบาดคอ จนสุดท้ายแกให้เมียของแกไปนิมนต์ท่านเจ้าอาวาสมา แล้วสารภาพเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง ท่านก็กล่าวอโหสิกรรมแทนให้กับหมาที่ถูกวางยา แล้วแกก็ขาดใจเสียชีวิต ในโลกแห่งความเป็นจริงของมนุษย์แกคงได้ชดใช้ให้กับ 26 ชีวิตที่แกวางยาแล้ว แต่ในโลกของวิญญาณ แกคงกำลังชดใช้อยู่ สาธุ
นับว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ผมอยากจะนำมาเล่าให้ทุกคนฟัง
ว่ากรรมใดใครก่อ ผู้นั้นย่อมเป็นผู้รับ
ไม่มีสิ่งใดจะมาทดแทนกันได้นอกจากความเมตตาต่อกัน
นนท์
(องค์ชายสาม)
ว่ากรรมใดใครก่อ ผู้นั้นย่อมเป็นผู้รับ
ไม่มีสิ่งใดจะมาทดแทนกันได้นอกจากความเมตตาต่อกัน
นนท์
(องค์ชายสาม)